สัญญาฝากทรัพย์
ฝากทรัพย์เป็นสัญญาอีกชนิดหนึ่งที่พบเห็นแพร่หลายในสังคม การที่เอาทรัพย์สินไปฝากไว้กับผู้อื่นเนื่องมาจากสาเหตุหลายประการ เช่น ผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินนั้นไม่อาจจะดูแลรักษาทรัพย์สินนั้นเป็นการชั่วคราวเพราะต้องเดินทางไกล หรือเนื่องจากตนไม่สามารถจะให้ความคุ้มครองป้องกันทรัพย์สินให้ปลอดภัยได้ จึงต้องฝากบุคคลอื่นซึ่งมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่า เช่นนำรถยนต์ไปฝากสถานรับบริการฝากรถ เป็นต้น ในปัจจุบันการฝากทรัพย์ไม่ใช่เรื่องที่ทำด้วยอัธยาศัยไมตรีเหมือนในอดีต ที่มีการฝากระหว่างเครือญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูง หากแต่เป็นการกระทำในรูปธุรกิจการรับฝากทรัพย์สินเป็นการเฉพาะ และกำลังเป็นที่นิยมแพร่หลาย เช่น การรับฝากรถยนต์ การรับฝากสินค้าทางการเกษตร เป็นต้น
โดยสภาพของการรับฝากทรัพย์นั้น ย่อมเป็นการก่อให้เกิดความผูกพันแก่ผู้รับมอบทรัพย์ หรือผู้รับฝาก จะต้องดูแลรักษาทรัพย์ที่ตนรับไว้ให้มีความปลอดภัย ไม่ให้เกิดการสูญหายหรือบุบสลายได้และจะต้องส่งคืนทรัพย์ที่รับมอบไว้โดยทันทีที่ผู้ฝากหรือผู้ส่งมอบทรัพย์เรียกให้ส่งคืนทรัพย์นั้น จึงกล่าวได้ว่าการฝากทรัพย์ก่อให้เกิดประโยชน์ฝ่ายเดียวแก่ผู้ฝากหรือผู้ส่งมอบทรัพย์โดยแท้ ในขณะที่ผู้รับฝากหรือผู้รับมอบทรัพย์มีภาระต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ในกรณีทรัพย์ที่รับฝากหรือที่ได้รับมอบเกิดการสูญหาย หรือบุบสลาย โดยที่อาจได้รับบำเหน็จค่ารับฝากหรือค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อยแล้วแต่ตกลงกัน
ตามกฎหมายเก่าของไทย ปรากฏในพระอัยการเบ็ดเสร็จ แห่งกฎหมายตราสามดวง ได้มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยฝากทรัพย์ 9 มาตรา เนื้อหาสาระโดยรวม สัญญาฝากทรัพย์เดิมเป็นสัญญาที่ทำให้เปล่าไม่มีการเรียกค่าตอบแทนในการรับฝากแต่อย่างใด เป็นเรื่องอัธยาศัยไมตรีต่อกันเป็นสำคัญ ได้มีการวางหลักความรับผิดในกรณีผู้รับฝากได้เอาทรัพย์ที่รับฝากไปเสีย หรือไม่ยอมส่งคืน หรือคืนไม่ตรงตามจำนวนที่ฝาก ปัจจุบันประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้
ลักษณะสัญญาฝากทรัพย์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 657 บัญญัติว่า “อันว่าฝากทรัพย์นั้นคือ สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ฝาก ส่งมอบทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้รับฝาก และผู้รับฝากตกลงจะเก็บรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ในอารักขาแห่งตน แล้วจะคืนให้”จากบทนิยามดังกล่าวจะเห็นได้ว่าการฝากทรัพย์แยกพิจารณาได้ 3 ประการคือ
1. เป็นสัญญา คือมีการตกลงกันของบุคคลได้แก่ผู้ฝากและผู้รับฝาก โดยมีวัตถุประสงค์
เป็นการฝากทรัพย์
2. ผู้ฝากส่งมอบทรัพย์สินให้ผู้รับฝาก เพียงแต่มีเจตนาตกลงกันของคู่สัญญาสอง
ฝ่ายจะไม่มีผลเป็นสัญญาฝากทรัพย์แต่อย่างใด ผู้ฝากจะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ฝากให้แก่ผู้รับฝากด้วย การส่งมอบทรัพย์สินที่ฝาก เป็นการมอบการครอบครองทรัพย์สินจากผู้ฝากไปยังผู้รับฝาก ไม่ใช่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินแต่อย่างใด และจะส่งมอบโดยตรงหรือโดยปริยายก็ได้เพื่อให้ผู้รับฝากได้ครอบครองทรัพย์สิน
ฎ 685/2521และ1616/2519 กรมป่าไม้ทำสัญญาจ้างผู้รับจ้างเฝ้ารักษาป่าไม้ของกลาง ซึ่งเจ้าพนักงานป่าไม้จับได้และยังคงอยู่ที่ตอที่ถูกตัดโค่นในป่าระบุชื่อ “สัญญาจ้างเฝ้ารักษา” มีข้อสัญญาว่า ผู้รับจ้างยอมรับเฝ้าไม้ของกลางโดยคิดค่าจ้างเป็นรายท่อนต่อเดือน นับจากวันทำสัญญา ถ้าไม้ซึ่งรับจ้างเฝ้าขาดหรือหายหรือเป็นอันตรายระหว่างเวลาที่ผู้รับจ้างรับผิดชอบเฝ้ารักษา กรมป่าไม้ผู้จ้างอาจขนไม้ของกลางทั้งหมดหรือแต่บางส่วนไปจากที่เดิมเวลาใดก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้ทราบ สัญญานี้เป็นสัญญาจ้างแรงงาน มิใช่สัญญาฝากทรัพย์เพราะอำนาจการครอบครองไม้ของกลางยังอยู่แก่กรมป่าไม้ผู้จ้าง ผู้รับจ้างเพียงเฝ้าระวังไม่ให้มีผู้ใดมาลักหรือเกิดภัยพิบัติ ไม้ของกลางยังอยู่ในป่าตามเดิม ผู้รับจ้างมิได้ชักลากไปเก็บไว้ในอารักขา
ขอความคิดวิเคราะห์เพิ่มอีกนิดซิคะ
ตอบลบ